ที่ต้องใช้เวลาอยู่บนท้องถนนเป็นเวลานาน โดยเฉพาะช่วงเวลาเร่งด่วน ทรงเล็งเห็นว่าเป็นเพราะถนนมีไม่เพียงพอกับจำนวนรถ การขยายถนนจะช่วยให้การจราจรคล่องตัวขึ้น จึงพระราชทานแนวทางพระราชดำริในการแก้ไขปัญหาการจราจรหลายวิธี อาทิ โครงการแรกที่ได้พระราชทานแนวพระราชดำริเพื่อแก้ปัญหาจราจร คือโครงการถนนรัชดาภิเษก จากที่รัฐบาลในขณะนั้น จะสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ถวายเพื่อเฉลิมพระเกียรติในวโรกาสครองราชย์ครบ 25 ปี โดยได้พระราชทานให้เป็นของขวัญสำหรับประชาชนแทน โครงการทางคู่ขนานลอยฟ้า ถนนบรมราชชนนี เป็นหนึ่งในโครงการพระราชดำริเพื่อบรรเทาปัญหาจราจรในกทม. โดยเพิ่มขีดความสามารถรองรับการจราจรบริเวณถนนบรมราชชนนีจากสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้าถึงทางแยกถนนสิรินธร จากที่เสด็จฯไปเยี่ยมสมเด็จย่าทรงพระประชวรและประทับรับการถวายการรักษาที่รพ.
วันที่ 13 ต. ค. 2563 เวลา 16:23 น. เรื่องราวหนึ่งหน้าในประวัติศาสตร์ที่แสดงให้เห็นถึงน้ำพระทัยที่กว้างขวางของในหลวงรัชกาลที่ 9 เมื่อทรงเผชิญกับความท้าทายในต่างแดน ในแต่ละครั้งของการเสด็จไปทรงประกอบพระราชกรณียกิจของ พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (ต่อไปนี้จะขานพระนามว่าในหลวงรัชกาลที่ 9) ณ ต่างประเทศไม่ใช่ทุกครั้งที่จะทรงปฏิบัติพระราชภารกิจอย่างราบรื่น บางครั้งต้องทรงเผชิญกับการท้าทายของคนบางกลุ่ม เช่น กรณีที่เกิดขึ้นระหว่างเสด็จเยือนประเทศออสเตรเลีย พ. ศ.
สุเมธ ตันติเวชกุล ได้ให้สัมภาษณ์พระราชจริยวัตร "พอดี" ตีพิมพ์ในนิตยสารแพรว ฉบับที่ 642 วันที่ 25 พฤษภาคม พุทธศักราช 2549 เตือนสติคนไทยว่า "... กินจากความสนุกนี่คือ กิเลส ผมถวายงานมายี่สิบกว่าปี เห็นเสวยอย่างไร พระราชจริยวัตรอย่างไร วันนี้ก็ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ทรงรักษาระเบียบวินัยในความเป็นอยู่ แต่ของเราทั่วไปมักตามใจตัวเอง ถึงบอกว่า พอดีคือ ความพอเพียง ไม่ว่าใครก็รักษาไว้ได้" ส่วนเกษตรกรที่มีหนี้สิน และหาทางออกให้ชีวิตไม่ได้ หลายคนหันมาใช้แนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ทำให้หลุดพ้นจากหนี้สิน ประสบความสำเร็จในชีวิตได้ อย่าง ลุงนิล หรือสมบูรณ์ ศรีสุบัติ เกษตรกรอ. ทุ่งตะโก จ.
รถยนต์พระที่นั่ง ในหลวง ที่ใช้ทรงงาน และเสด็จฯ เยี่ยมราษฎรในที่ห่างไกลทั่วทุกภาคของพระองค์จนกลายเป็นตำนานที่ได้รับการกล่าวขานมาถึงทุกวันนี้ หลังเสด็จนิวัตพระนคร พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมพสกนิกรไปทั่วทุกภาค เมื่อเสด็จพระราชดำเนินต่างจังหวัดอันห่างไกล ด้วยรถยนต์พระที่นั่งพลังสูงมีกำลังโดดเด่น ในยุคนั้นก็ ได้แก่ เมอร์เซเดส-เบนซ์ 300 (Mercedes-Benz 300) แบบเดียวกับที่รู้จักกันดีในชื่อ "เบนซ์ อาเดนนาวเออร์" (Ardenauer) ทรงมีแบบสี่ประตูครบทุกรุ่นทั้ง 300 (มักเรียกกันเองว่า 300 "a"), 300b, 300c และ 300d เครื่องยนต์หัวฉีด เสด็จพระราชดำเนิน อ. วังทอง จ. พิษณุโลก และ อ. ทุ่งสง จ.